ใน 2 ปีที่ผ่านมา SCG Logistics ได้เปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ ด้วยการประยุกต์ใช้ระบบ Digital เข้ามาใช้ในการทำงานใน Platform ต่าง ๆ ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของบริษัท เพื่อวางรากฐานการให้บริการโลจิสติกส์ในอนาคต (Future Logistics) ทั้งฝั่งภายในประเทศ (Domestics) และ ฝั่งนำเข้าส่งออก (Import-Export) ตัวอย่างเช่น ระบบจัดเที่ยวขนส่ง และ Optimization ระบบบริหารคลังสินค้า จากเดิมต้องใช้คนจำนวนมาก ในการจัดการกระบวนการจัดส่งให้ตรงตามคำสั่งซื้อและความต้องการของลูกค้า โดยหลังจากได้นำ Platform ต่างๆ มาใช้ทำให้กระบวนการต่าง ๆ ลีน มีประสิทธิภาพมากที่สุด ต้นทุนที่คุ้มค่าที่สุด รวมถึงมีระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ Partner ของ SCG Logistics และ Touchpoint สำหรับลูกค้าที่ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากที่สุด
Next-Gen SCG Logistics
การที่เราจะลงทุนนำเทคโนโลยีอะไรมาใช้ ไม่ใช่แค่มีเงิน เห็นคนอื่นใช้กันเราต้องใช้ด้วย แต่เราจะต้องคำนึงถึง 3 ข้อคือ
- Business Direction (Strategy) : เราต้องการเติบโตไปทางไหน 2-3 ปีข้างหน้าเราต้องการเป็นแบบไหน แล้วเทคโนโลยีตัวไหน ที่จะช่วยให้เราไปถึงจุดที่เราอยากเป็นได้เร็วขึ้น
- Technology Trend : เทคโนโลยีที่ตัวไหนที่น่าสนใจ เหมาะสมกับธุรกิจ
- Benchmark : เปรียบเทียบกับตลาด หรือ Best in class ว่าตอนนี้เขามีอะไรบ้าง ถ้าเราไม่มีเราจะแข่งขันกับเขาอย่างไร ถ้าเรามีจะสร้างความแตกต่างได้อย่างไร เป็นต้น
Platform & Digitalization
Simulation & Modelling
เราเริ่มต้นใช้ Warehouse Simulation & Transportation Simulation ข้อดีของระบบคือ เราจะเห็นกระบวนการภายในคลังสินค้า และ การขนส่งได้ เพียงนำ Requirement ต่าง ๆ ของลูกค้าใส่เข้าไปในระบบ ระบบจะประมวลผลออกมาให้เราเห็นว่า สินค้าของลูกค้า ควรจัดเก็บในลักษณะใด บริเวณใด กระบวนการทำงานภายในคลังสินค้า หรือ แม้แต่การออกแบบ layout จะต้องเป็นแบบไหน ส่งต่อไปยัง Transportation simulation ที่จะบอกเราว่าโมเดลการขนส่งภายใต้ข้อจำกัดต่าง ๆ แบบไหนเหมาะกับลูกค้ามากที่สุด
Supply Chain Control Tower
ขยาย Scope จาก Logistics Control Tower เป็น Supply Chain Control Tower เพราะ การดูแค่ Logistics อย่างเดียว ไม่เพียงพอแล้ว เราต้องมี Visibility ตลอดทั้งกระบวนการใน Supply Chain เพื่อจัดการแบบ Proactive ให้รู้ว่า KPI หรือ Commitment ที่เราได้ให้กับลูกค้าเป็นอย่างไร เราทำได้ตามที่ตกลงกับลูกค้าหรือไม่ หากไม่ได้ เกิดปัญหาที่กระบวนการไหน เพราะอะไร ระบบจะเห็นทุกอย่าง ทำให้เราจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
Intelligent Map
Map อัจฉริยะ ที่จะลิงค์กับข้อมูลภายนอก เช่น ภูมิอากาศ สถานที่สำคัญ การจราจร รวมถึงลูกค้าเป้าหมายอยู่บริเวณไหน หากบริษัท หรือ ลูกค้าต้องการเปิดสาขาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ควรไปตั้งสาขาที่บริเวณไหน
Robotics Automation & IoB (Internet of Behavior)
Robotics Automation : เราเริ่มนำ Forklift อัตโนมัติเข้ามาใช้ (AGV) เริ่มที่ CDC วังน้อย โดยในอนาคต เราต้องขยาย Scope ไปยังคลังอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นคลังสำหรับการนำเข้าส่งออก คลังสำหรับอีคอมเมิร์ซ และ การบรรจุตู้คอนเทนเนอร์ เป็นต้น ที่จะมาช่วยรองรับการเจริญเติบโตในอนาคต
IoB : เราจะนำระบบเข้ามาใช้ในคลังสินค้าก่อน เพื่อดูพฤติกรรมของพนักงาน, Forklift และ pallet ภายในคลังสินค้า เพื่อดูว่า Capability ของเค้าเป็นอย่างไร การทำงานในลักษณะต่าง ๆ จำเป็นต้นใช้คน และ ทรัพยากรต่างๆจำนวนเท่าไหร่ เป็นต้น
Customer 720 & (AI & ML) Data Analytics
Future Logistics ไม่เพียงแต่ทำขนส่งเท่านั้น แต้ตเองทำแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้า เพื่อศึกษาและเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าว่าจริง ๆ แล้วลูกค้ามีความต้องการอะไรบ้าง จากนั้นพอมีข้อมูล ก็จะส่งต่อมายังระบบ Data Analytics ที่เราใช้ AI หรือ Machine Learning เพื่อทำ Predictive ต่าง ๆ ว่าจะต้องทำอะไรต่อ เช่น การวางแผนการสั่งสินค้า วางแผนการขนส่งล่วงหน้า หรือแม้แต่การวางแผนด้านความปลอดภัย เป็นต้น
EV Truck & Self Driving
ตอนนี้เราอาจจะยังไม่ได้นำเข้ามาใช้ แต่เราต้องหมั่นศึกษา เพราะตอนนี้ รถเล็กได้มีการเริ่มนำมาใช้เรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานน่าจะมีโอกาสได้เห็นในรถบรรทุกมากขึ้น
สิ่งหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญมาก ๆ คือ การสร้างความความพึงพอใจให้กับลูกค้า ระบบต่าง ๆ ที่เราทำขึ้นหรือพัฒนาขึ้นมา ล้วนเกิดจาก Pain Point ของลูกค้า ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ และ พัฒนา ให้สามารถตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าได้ เราไม่ได้อยากเป็นผู้ให้บริการ แต่เราต้องการเป็นเพื่อนคู่คิด ที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กับลูกค้าของเรา ต้องขอบคุณลูกค้าทุก ๆ ท่านที่ไว้วางใจ SCG Logistics และ อยู่กับเราเรื่อยมา
อ้างอิงบทความและรูปภาพจาก : คุณวินิจ วิจิตรธนาพร : SCG Logistics Core Platform Business Director, Blog.scglogistics
รับชมงานอีเว้นต์เสมือนจริง : http://livingmuseumthailand.com/scg